
The Devil หรือชื่อภาษาเกาหลีว่า (มาวัง) เป็นละครเกาหลีอีกเรื่องที่ทำให้ฉันประทับใจ และไม่อาจละสายตาได้ หากถามว่าเป็นละครที่สมบูรณ์แบบถึงขั้นไม่อาจติได้หรือไม่ คงต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่" ถึงแม้ว่าจะมีจุด และประเด็นให้วิพากษ์พอสมควรก็ตาม แต่โดยรวมนั้น ละคร
เรื่องนี้เป็นละครคุณภาพจริงๆ ไม่ว่าจะนักแสดงนำทั้งสามคน เนื้อเรื่อง ภาพ เพลง ทุกอย่างลงตัวจน
ลืมข้อผิดพลาดจุดเล็กจุดน้อยนั้นไปได้
เรื่องนี้เป็นละครคุณภาพจริงๆ ไม่ว่าจะนักแสดงนำทั้งสามคน เนื้อเรื่อง ภาพ เพลง ทุกอย่างลงตัวจน
ลืมข้อผิดพลาดจุดเล็กจุดน้อยนั้นไปได้
The Devil เป็นละครแนวฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน ที่มีการวางโครงเรื่องค่อนไปทางแฟนตาซีนิดๆ ทุกฉากทุกตอนต้องดูอย่างจริงจัง และอย่ากระพริบตา เพราะนอกจากจะต้องอ่านซับซึ่งมีข้อความเนื้อหาที่สำคัญตลอดทั้งเรื่องแล้ว ภาพบางภาพเพียงจุดเดียวก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวได้ทั้งหมด รวมถึงเข้าใจความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวได้ด้วย ละครรูปแบบนี้อาจไม่เป็นที่ถูกใจนักสำหรับคนที่ชื่นชอบแนวรักโรแมนติก สาเหตุเนื่องมาจาก The Devil สอดแทรกเนื้อหา สาระ และความรู้ไว้จนแน่นเอี๊ยด ข้อมูลทุกด้านผ่านการค้นคว้าแล้วนำมาบูรณาการเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไพ่ทาโร่ต์ ที่ตัวละครหลักต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของไพ่ แต่ละใบที่ฆาตกรส่งมาให้ก่อนจะลงมือกระทำการฆาตกรรม โดยมีนางเอกซึ่งมีความสามารถพิเศษในการล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ จากการสัมผัสเป็น ผู้แจกแจงความหมายของไพ่
ด้านความเชื่อ ตำนานของศาสนาคริสต์ และวรรณกรรม จากการพูดคุยระหว่างตัวละครเอกสองตัว ที่กล่าวถึงเทวดา และซาตาน ซึ่งนำไปสู่ข้อมูลทางสถาปัตยกรรมคือ The Gates of Hell หรือประตูนรก เป็นอนุสาวรีย์ประติมากรรม โดย Auguste Rodin ศิลปินชาวฝรั่งเศส ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก The Inferno ฉากแรกของ Dante Alighieri's Divine Comedy ละครเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เพียงนำผลงานด้านศาสนา มานำเสนอให้ดูโดดเด่น หรือสนใจมากขึ้น แต่ต้องการชี้ให้เห็นความหมายที่แท้จริงจากผลการกระทำของตัวละครในท้ายสุดของเรื่อง เนื่องจากเหนือประตูนรกจะมียมบาลนั่งเท้าคางและหลับตานิ่งอยู่ราวกับรอการพิพากษา แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขานั่นเองที่เป็นผู้พิพากษา ซึ่งผู้แต่งสะท้อนความสับสน ความต้องการภายในจิตใจ และการกำหนดวางชะตาชีวิตของตัวละครได้อย่างแยบยล แม้เขาจะคอยขีดเส้นให้ผู้อื่น แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่ช้าไม่นานเขาเองก็ต้องรับผลของการกระทำนี้เช่นกัน
หลังจากได้ดู The Devil จนจบแล้ว ทำให้คิดได้ว่าชื่อเรื่องสื่อถึงตัวละครทุกตัวในเรื่อง เพราะมนุษย์ทุกคนในโลกล้วนมีปีศาจ หรือด้านมืดอยู่ในใจทุกคน เพียงแต่จะแสดงออกมาในรูปแบบใด ปีศาจในที่นี้ไม่เว้นแม้แต่ความเห็นแก่ตัว ความรัก และความสงสาร เพราะความรู้สึกทั้งสามประการนี้ถูกหล่อหลอมเข้าไว้ด้วยกันจนแทบแยกไม่ออก ซึ่งนำไปสู่ความเจ็บปวดในที่สุด
เมื่อพูดถึงความรัก ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าคนที่ชอบละครแนวรักโรแมนติกจะไม่ค่อยปลื้มเรื่อง
นี้นัก แต่ถ้าหากได้ดูแล้วจะเห็นว่าเรื่องนี้ถูกโอบล้อมไว้ด้วยความรักตลอดทั้งเรื่อง และมีความสม
จริงมากอีกเรื่องหนึ่งเนื่องจากความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทุกตัว แสดงความรักออกมาแบบไม่หวือหวา ไม่โจ่งแจ้ง แต่กลับทำให้คนดูอมยิ้มได้ และจุกอยู่ภายในอก เพราะเข้าใจ และรู้สึกอึดอัดที่รักแต่
ไม่อาจพูดได้ไปกับตัวละครนั้นๆ ด้วย ทั้งความรักแบบหนุ่มสาว ความรักระหว่างพี่น้อง หัวหน้ากับ
ลูกน้อง พ่อกับลูก และความรักระหว่างเพื่อน ที่ถึงแม้จะทำผิดมากมาย ภายนอกราวกับเกลียด หรือ
ดุว่าเพียงใด แต่ในใจนั้นรัก และห่วงใย พร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ แต่เรื่องนี้ตัวละครทุกตัวบกพร่อง
ด้านความรักเพียงอย่างเดียว คือความรักที่มีให้ตนเองซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือประเภทขาด
จึงมีความว้าเหว่ ไม่ภูมิใจ และโทษตัวเองตลอดเวลา กับอีกประเภทคือให้มากจนเกินไป จนกลาย
เป็นคนเห็นแก่ตัว โลภมาก และรักความสบาย
นี้นัก แต่ถ้าหากได้ดูแล้วจะเห็นว่าเรื่องนี้ถูกโอบล้อมไว้ด้วยความรักตลอดทั้งเรื่อง และมีความสม
จริงมากอีกเรื่องหนึ่งเนื่องจากความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทุกตัว แสดงความรักออกมาแบบไม่หวือหวา ไม่โจ่งแจ้ง แต่กลับทำให้คนดูอมยิ้มได้ และจุกอยู่ภายในอก เพราะเข้าใจ และรู้สึกอึดอัดที่รักแต่
ไม่อาจพูดได้ไปกับตัวละครนั้นๆ ด้วย ทั้งความรักแบบหนุ่มสาว ความรักระหว่างพี่น้อง หัวหน้ากับ
ลูกน้อง พ่อกับลูก และความรักระหว่างเพื่อน ที่ถึงแม้จะทำผิดมากมาย ภายนอกราวกับเกลียด หรือ
ดุว่าเพียงใด แต่ในใจนั้นรัก และห่วงใย พร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ แต่เรื่องนี้ตัวละครทุกตัวบกพร่อง
ด้านความรักเพียงอย่างเดียว คือความรักที่มีให้ตนเองซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือประเภทขาด
จึงมีความว้าเหว่ ไม่ภูมิใจ และโทษตัวเองตลอดเวลา กับอีกประเภทคือให้มากจนเกินไป จนกลาย
เป็นคนเห็นแก่ตัว โลภมาก และรักความสบาย
ละครบางเรื่องถูกตัดสินคุณค่าจากความรู้สึกของผู้ชม โดยไม่ทันได้คิดถึงข้อคิดที่ได้รับเลย
สักนิด The Devil เป็นเหมือนเสียงกระซิบบอกให้เราทุกคนทราบว่าผลของการกระทำนั้นตามเรามาเร็วมากเพียงใดรวมทั้งสอนให้รู้จักคิด มีสติ ไม่ฝังจิตใจไว้กับความแค้น เพราะสิ่งที่คิด หรือบางครั้งสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราเข้าใจ การตัดสินใจจากข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่ว่าจะยึดจากคำบอกเล่า ทัศนคติ หรือความคิดของตนเอง ล้วนนำมาแต่ความทุกข์ และความเสียใจทั้งสิ้น เพราะถึงน้ำแข็งในหัวใจจะเริ่มละลาย แต่มันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้นฉากจบของเรื่องจึงเป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุด สมเหตุสมผลที่สุด และน่าสงสารที่สุด The Devil จึงเป็นละครอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ดูกันเยอะๆ เพราะนอกจากจะสนุก ลุ้นระทึกกับนักแสดงคุณภาพคับจอแล้ว ยังได้ความรู้ และข้อคิดอีกมากมายด้วย
สักนิด The Devil เป็นเหมือนเสียงกระซิบบอกให้เราทุกคนทราบว่าผลของการกระทำนั้นตามเรามาเร็วมากเพียงใดรวมทั้งสอนให้รู้จักคิด มีสติ ไม่ฝังจิตใจไว้กับความแค้น เพราะสิ่งที่คิด หรือบางครั้งสิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราเข้าใจ การตัดสินใจจากข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่ว่าจะยึดจากคำบอกเล่า ทัศนคติ หรือความคิดของตนเอง ล้วนนำมาแต่ความทุกข์ และความเสียใจทั้งสิ้น เพราะถึงน้ำแข็งในหัวใจจะเริ่มละลาย แต่มันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้นฉากจบของเรื่องจึงเป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุด สมเหตุสมผลที่สุด และน่าสงสารที่สุด The Devil จึงเป็นละครอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ดูกันเยอะๆ เพราะนอกจากจะสนุก ลุ้นระทึกกับนักแสดงคุณภาพคับจอแล้ว ยังได้ความรู้ และข้อคิดอีกมากมายด้วย
ป.ล. สิ่งที่นำเสนอเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกเล่าตามมุมมองของตนเอง ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับทัศนคติของคนอื่นๆ ก็ได้ แต่อย่างที่เคยกล่าวไว้ใน Vacation ว่า ไม่ว่าละคร หรือหนังสือเรื่องใดที่ให้มากกว่าความบันเทิง สื่อนั้นๆ ย่อมช่วยพัฒนาจิตใจและมีคุณค่าทั้งสิ้น
Credit : Morale2Khwan
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น